สนข. จัดประชุมสรุปผลศึกษา ‘แลนด์บริดจ์’ กระทรวงคมนาคม เดินหน้าประกาศความพร้อมในการดำเนินการประมูลโครงการฯ ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทย

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดการสัมมนาสรุปผลการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ณ ห้องสีลม โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพ สีลม กรุงเทพมหานคร เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาข้อมูลรายละเอียดของโครงการ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีนายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร นางสาวกฤติกา บูรณะดิษ นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ นางสาวพนิดา เขียวงามดี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิเคราะห์นโยบายและแผน (ด้านการวางแผนการขนส่งและจราจร) พร้อมด้วยตัวแทนจากผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมการสัมมนา

นางมนพร เจริญศรี กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพิ่มศักยภาพทางการค้าของประเทศ ตามแนวทางของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านประเทศจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคภายใต้นโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ดำเนินการศึกษา ออกแบบ โครงการแลนด์บริดจ์ โดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน สามารถเชื่อมต่อทะเลได้ทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน จึงเป็นโอกาสที่จะได้ใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งดังกล่าวเพื่อนำมาพัฒนาเป็นเส้นทางทางเลือกในการขนส่งสินค้าทางทะเล เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพทางการค้าของประเทศไทย ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ เป็นการนำเสนอสรุปผลการศึกษาในทุกด้าน ทั้งรูปแบบรายละเอียดของโครงการ การจัดทำรูปแบบโมเดลการพัฒนาและการลงทุน อัตราผลตอบแทนในการลงทุนรวม รวมถึงแผนงานขั้นถัดไปที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ในการช่วยกันผลักดันให้การพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวงคมนาคมยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ตามนโยบายของรัฐบาล โดยต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชน และศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างรอบด้านจากการพัฒนาโครงการ ได้แก่ (1) การพัฒนาระบบคมนาคมทั้งทางถนน ทางรถไฟ ทำให้เกิดความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน และการขนส่งตู้สินค้าเพื่อกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ (2) การสร้างโอกาสการจ้างงานในพื้นที่ และทั้งประเทศถึง 280,000 ตำแหน่ง (3) การเพิ่มโอกาสของภาคเอกชนไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและประมง อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ยา เวชภัณฑ์ ธุรกิจบริการ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น และ (4) เกิดการพัฒนาต่อเนื่องทั้งด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา และด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (น้ำประปา ไฟฟ้า การกำจัดขยะ) นอกจากนี้ในการศึกษามีการระบุให้มีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาอาชีพเพื่อส่งเสริมทักษะให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อรองรับการจ้างงานของคนในพื้นที่เข้าทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการพัฒนาโครงการ

นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กล่าวเพิ่มเติมว่า สนข. ได้ทำการจัดสัมมนาสรุปผลการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ทั้งหมด 3 ครั้ง โดยมีการจัดไปแล้ว 2 ครั้งที่จังหวัดระนองเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 และที่จังหวัดชุมพรเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ภายหลังงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ทั้ง 2 จังหวัด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการ แต่ก็มีประชาชนบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการ และได้ร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเล ผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน การทำประมงพื้นบ้าน และการขุดลอกและถมทะเลเพื่อทำท่าเรือ โดยประชาชนส่วนใหญ่ต้องการรับทราบมาตรการในการแก้ปัญหา และมาตรการเยียวยาจากภาครัฐว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งทาง สนข.ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นตลอดระยะเวลา 4 ปี มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างเป็นทางการมากกว่า 60 เวที โดย สนข. ได้รับทราบข้อกังวลทั้งหมดจากประชาชน และได้นำผลการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดมากำหนดมาตรการในการป้องกัน และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างครบถ้วน โดยยึดหลักการพัฒนาโครงการให้เกิดความยั่งยืน เพื่อให้โครงการสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนควบคู่กับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบอาชีพของคนท้องถิ่นผ่านกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ในการศึกษาครั้งนี้มีการกำหนดให้ผู้บริหารโครงการต้องทำการจัดตั้งกองทุน โดยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่สมทบเงินเข้ากองทุน และนำเงินในกองทุนเพื่อไปใช้ในการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และส่งเสริมให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก่อนมีการพัฒนาโครงการ

นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญที่จะนำโครงการไปสู่ความสำเร็จคือ ต้องใช้หลักการ One Port Two Sides ที่จะดำเนินการก่อสร้าง และบริหารงานพร้อมกันทั้งโครงการในสัญญาเดียว และผู้เข้ามาลงทุนจะต้องมีประสบการณ์ในการบริหารท่าเรือ และสายการเดินเรือ เพื่อดึงสินค้าเข้ามาใช้บริการท่าเรือ และจะต้องมีความพร้อมด้านเงินทุนเพื่อลงทุนในโครงการ และอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญ คือการจัดทำ พ.ร.บ. SEC พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายเพื่อกำกับดูแล เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้

ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทำให้การศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์มีความสมบูรณ์และสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ สนข.จัดเตรียมเอกสารประกวดราคาเพื่อดำเนินการจัดหานักลงทุนทั้งชาวไทย และต่างชาติเข้ามาดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งจะมีความพร้อมในการประกวดราคาในปีหน้า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ และประชาชนทั้งประเทศมีความกินดีอยู่ดี มีรายได้และมีงานทำต่อไป

Scroll Up